
เมื่อมีปัญหาใบหน้าเกิดริ้วรอย มีร่องแก้ม ขมับบุ๋ม หน้าผากเป็นรอย ฯลฯ เรามักจะหาตัวช่วยอย่างการเลือกฉีด
ฟิลเลอร์ ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งก็อยากรู้ขึ้นมาว่าหากจะเลือกฉีดไปที่ใบหน้าตำแหน่งต่าง ๆ ควรฉีดปริมาณเท่าไหร่ รวมถึงการจะเลือกสถานพยาบาลอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง รับรองว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่เป็นความสงสัยอีกต่อไป เมื่อคุณตามเราไปศึกษาในบทความนี้
ฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งฉีดได้ในปริมาณเท่าไหร่?ความต้องการฉีด
ฟิลเลอร์เกิดขึ้นเมื่อต้องการเติมเต็มใบหน้าให้เต่งตึง สมบูรณ์แบบไร้ร่องรอย ไร้ริ้วรอยอีกครั้ง ซึ่งแต่ละตำแหน่งบนใบหน้าก็จะมีปริมาณการฉีดที่แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เลือกฉีดที่คาง, ร่องใต้มุมปาก, ร่องแก้ม, ปากอวบอิ่มจะใช้ปริมาณ 1 – 2 ml.
- เลือกฉีดที่จมูก, หยดน้ำใช้ปริมาณ 1 ml.
- เลือกฉีดเพื่อเติมใต้ตาใช้ปริมาณ 1 – 3 ml.
- เลือกฉีดหน้าผากใช้ปริมาณ 4 – 6 ml
- เลือกฉีดบริเวณขมับใช้ปริมาณ 2 – 3 ml.
ฟิลเลอร์ ควรเลือกสถานพยาบาลอย่างไร?เชื่อว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ลังเล ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกสถานพยาบาลอย่างไรดี กลัวเลือกผิดใบหน้าเปลี่ยนจะเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัยอาจไหล หรือย้อยผิดรูป เอาเป็นว่าเรามี 3 เทคนิคมาแนะนำ
ราคาไม่ถูกหรือแพงเกินไปสิ่งที่เราควรมองเลยก่อนจะเลือกสถานพยาบาลเข้ารับการฉีดด้วย
fillerก็คือราคาของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรจะต่ำเกินไปหรือสูงจนเกินไป เพราะการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ถูกเกินไปนั่นอาจเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นของปลอม หรือไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง ส่วนราคาสูงจนเกินไปบางครั้งอาจจะแอบนำเข้ามา เมื่อฉีด
ฟิลเลอร์ไปแล้วเกิดผลข้างเคียงกับร่างกายได้
รีวิวประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์สิ่งต่อมาที่ต้องดูให้มั่นเลยก็คือเรื่องของประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ ตั้งแต่ตำแหน่งการฉีด การเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาเช่น ฉีดแล้วไม่นูนเป็นก้อนแข็ง หรือไหลไปผิดตำแหน่งได้ หรือฉีดแล้วไม่เกิดอาการบวมช้ำ
ความน่าเชื่อถือ สามารถติดต่อที่ตั้งได้สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยก็คือความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล ควรมีที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ เป็นหลักแหล่งแน่ชัด อาจจะดูจากรีวิวผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อนก็ได้ว่าเป็นอย่างไร แนะนำให้ดูจากรูปหรือเป็นคลิปวิดีโอทั้งก่อนและหลังทำ เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่จะเห็นได้ว่าชัดเจนหรือไม่ อย่างไร
เชื่อว่าต้องมีบ้างที่แอบสงสัย? ซึ่งจะขออธิบายว่าโดยทั่วไปแล้วตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นนั้นอยู่ได้ 12 – 18 เดือน หรือราว ๆ 1 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ รุ่น ยี่ห้อที่ใช้ด้วยโดยดูจากปริมาณความเข้มข้นของ HA และเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมา ได้รับการรับรองจากทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดสารตกค้างบนร่างกาย แต่สิ่งที่ต้องระวังให้มากคือผลิตภัณฑ์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่สามารถสบายเองได้
ใครที่มีความสนใจการฉีด
ฟิลเลอร์หลังจากนี้มั่นใจเลยว่าจะสามารถเลือกฉีดตำแหน่งในปริมาณที่เหมาะสม เลือกสถานพยาบาลที่ตอบโจทย์ และเข้าใจถึงการอยู่ได้นานของผลิตภัณฑ์พร้อมสลายเองได้ตามธรรมชาติ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
ขอบคุณบทความจากเว็บไซต์ :
https://www.galdermaaestheticsthailand.com/page/dermal-filler